ตลาดห่วงโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ระบาด กดหุ้นไทยร่วง -37.85 จุด

 

หุ้นไทยปิดตลาดร่วงกว่า -37.85 จุด หลังความกังวลไวรัสโควิด-19 ในยุโรประบาดหนัก มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งยังมีการพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มาจากแอฟริกาใต้เข้ามากดดันตลาดเพิ่ม ซึ่งดัชนีของตลาดหุ้นต่างๆส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในลบ มองสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ปรับตัวลดลงกว่า -37.85 จุด หรือ -2.30% ลงมาอยู่ที่ 1,610.61 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทะลุ 123,472.09 ล้านบาท โดยในวันนี้ดัชนี SET INDEX เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน และปรับตัวดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,640.91 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,608.55 จุด

ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 377 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 182 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,823 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ในประเทศซื้อสุทธิกว่า 12,791.60 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า – 6,091.21ล้านบาท ส่วน บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -3,238.22 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -3,462.17 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 6,308.47 ล้านบาท ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,910.53 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 3.75 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,988.98 ล้านบาท ปิดที่ 127.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,900.86 ล้านบาท ปิดที่ 60.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
5.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,858.21 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.STGT ปิดที่ 0.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาทหรือ 9.82%
2.STA ปิดที่ 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ3.31%
3.BCH ปิดที่ 20.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาทหรือ 4.50%
4.TVO ปิดที่ 30.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาทหรือ 0.82 %
5.CHG ปิดที่ 3.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาทหรือ 3.83 %

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 418.00 บาท ลดลง 18.00 บาทหรือ4.13 %
2.SCC ปิดที่ 385.00 บาท ลดลง 6.00 บาทหรือ 1.53%
3.ADVANC ปิดที่ 205.00 บาท ลดลง 5.00 บาทหรือ 2.38%
4.KBANK ปิดที่ 142.50 บาท ลดลง 4.50 บาทหรือ 3.06%
5.BBL ปิดที่ 121.50 บาทลดลง 4.00บาท หรือ 3.19%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,199.66 จุด ลดลง -57.59 จุด หรือ -2.55% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 961.93 จุด ลดลง -25.67 จุด หรือ -2.60% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 565.08 จุด ลดลง -6.49 จุด หรือ -1.14%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า ซึ่งหลายตลาด ฯ ต่างก็ปรับตัวลงมากว่า 2% แม้แต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ร่วงไปถึง 800 จุด ส่วนตลาดในยุโรปซึ่งเปิดทำการซื้อขายตรงกับเวลาช่วงบ่ายของประเทศไทยก็ปรับตัวร่วงลงหนักกว่า 3% จากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในยุโรป ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มาจากแอฟริกาใต้เข้ามาซ้ำเติมอีกด้วย ซึ่งกลายเป็นปัจจัยลบที่กลับมากดดันตลาดฯ

ขณะเดียวกัน ตลาดฯยังมีปัจจัยกดดันจากเรื่องเงินเฟ้อสูง โดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะปรับตัวขึ้นเร็ว เมื่อมาเผชิญกับโควิดสายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้ ก็ทำให้มีแรงขายออกมากดดันตลาดมากขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นไทยวันนี้หลุดแนวรับหลายแนว และปรับตัวลงไปกว่า 2% ด้วย

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า ควรติดตาม MSCI Rebalance ในช่วงปลายเดือนนี้ และติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการ ของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน ที่จะทยอยประกาศออกมา รวมถึงจับตาสถานกาณณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากที่มีการพบโควิดสายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้ โดยประเมินกรอบดัชนีน่าจะยังอยู่ในแนวเดิม โดยมีแนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด